เป็นการทำฮวงจุ้ยวัยจรในแต่ละช่วงชีวิต จะสามารถเลือกส่งเสริมธาตุใดธาตุหนึ่งเป็นพิเศษได้ อย่างท่านที่ ทำอาชีพนักการฑูต ต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา ก็ต้องเจ่าอุ่งเพื่อส่งเสริมธาตุน้ำ โดยซินแสจะเป็นผู้คำนวแลหาสถานที่สำหรับทำเจ่าอุ่ง ซึ่งต้องคำนวณอย่างละเอียดเพราะการหันป้ายชะตาไปทางทิศไหนนั้นมีอิทธิพลต่อผู้ทำเจ่าอุ่ง แต่หากท่านไม่เป็นนักการฑูตแล้ว เปลี่ยนอาชีพเป็นข้าราชการ ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวแล้ว ก็ควรทำเจ่าอุ่งเพื่อส่งเสริมธาตุไฟและธาตุดิน เพราะหากเจ่าอุ่งยังส่งเสริมธาตุน้ำอยู่นั้นอาจจะหมายถึงการโยกย้าย ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีสำหรับข้าราชการ.​

นอกจากการส่งเสริมด้านอาชีพแล้ว การทำเจ่าอุ่งยังมีอิทธิพลต่อสุขภาพอีกด้วย เพราะอย่างที่บอกไปตอนต้นว่า ร่างกายคนเราประกอบด้วยธาตุทั้ง 5 อยู่ในอวัยวะต่างๆเช่นธาตุน้ำมีอิทธิพลต่อระบบเลือดและน้ำเหลืองและธาตุทองมีอิทธิผลต่อปอด

ดังนั้นอาการเจ็บป่วยต่างๆ ก็สามารถทุเลาลงได้ด้วยการทำเจ่าอุ่งและแซกี เพราะอาการเจ็บป่วยนั้นก็เกิดจากความไม่สมดุลของธาตุนั่นเอง เช่นคนธาตุไฟ ทานทุเรียนซึ่งเป็นธาตุไฟเหมือนกัน ก็มีโอกาสที่จะเป็นร้อนในมากกว่าคนธาตุน้ำที่ทานทุเรียนเหมือนกัน (อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ แต่แพทย์แผนจีนก็มีบันทึกไว้)

การทำแซกี อาจาร์ยผู้ทำพิธีจะต้องตรวจวิเคราะห์พื้นดวงชะดาให้ระเอียดลึกซึ้งก่อนว่า พื้นดวงชะตานั้นสมควรจะสนับสนุนให้ทำแซกีหรือไม่ ถ้าพื้นดวงเป็นคนคตโกงประกอบอาชีพไม่สุจรติ อาจาร์ยผู้ทำแซีก็จะตอบปฎิเสธแบบเลี่ยงๆ ไม่ทำให้ ถ้าเจ้าชะตายังดื้อรั้นขอร้องให้ทำ ทำไปดวงชะตาก็จะรุ่งเรืองได้ดีไม่ได้นาน แต่ถ้าผู้ที่ทำแซกีเป็นผู้มีจริยธรรมที่ดีงามผลของการทำแซกีจะช่วยส่งเสริมเร่งให้ชะตาชีวิตของเขาเจริญรุ่งโรจน์ขึ้นไปอย่างรวดเร็วน่าอัศจรรย์